ในดินแดนที่ถูกหลงลืม การค้ายากำลังช่วยให้ผู้คนมีชีวิตรอด -- แต่ความอยู่รอดนี้มากับการแลกเปลี่ยน

เมื่อหมู่บ้านของจังกูล* ที่อยู่ติดชายแดนระหว่างประเทศอัฟกานิสถานและปากีสถานถูกวางระเบิดในสงครามระหว่างฝ่ายรัฐบาลคอมมูนิสต์ของฝั่งโซเวียตและชบวนการประชาชนมุญาฮิเดีนในช่วงปี 1980 เขาพบเจอพืชฝิ่นที่โตใต้บ้านเขา และมันกลายเป็นสิ่งที่ทำให้เขามีกำลังทรัพย์มากพอที่จะสร้างบ้านใหม่ขึ้นมาได้

ภายหลังในช่วงปี 1990 เขาเคยสูญเสียอาชีพการงานตัวเอง ส่งผลให้ไม่สามารถหาเงินและอาหารให้ครอบครัวตนเอง ลูกพี่ลูกน้องของเขายื่นมือเข้ามาช่วยด้วยการเสนอก้อนเงินจำนวนหนึ่งให้แลกกับการช่วยขนส่งสารเสพติดจากประเทศอัฟกานิสถานไปที่กรุงมอสโกว ถึงแม้จะเป็นงานที่เสี่ยงและยากลำบาก แต่ค่าตอบแทนคุ้มค่ามาก เนื่องจากมันทำให้เขาสามารถเปิดร้านเล็กๆในตลาดสด

เรื่องราวของจังกูลถือเป็นหนึ่งในหลายเรื่องราวที่ได้ถูกบันทึกเอาไว้ในการวิจัยของเราหลังจากการเดินทางข้ามภูมิภาคของเราในประเทศอัฟกานิสถาน กัมพูชา และเมียนมาร์ เรื่องราวเหล่านี้นับเป็นการสาธิตให้เห็นว่าสารเสพติดสามารถส่งผลอันยิ่งใหญ่ต่อชีวิตและหน้าที่การงานของชุมชนในชนบทขอบเมือง

ภาพวาดการ์ตูนอธิบายเรื่องราวของจังกูลถูกจัดขึ้นโดย Positive Negatives. ครุททิกา สุสาร์ลา จาก Positive Negatives

 

ภาพวาดดังกล่าวยังสาธิตให้เห็นอีกด้วยว่าความเข้าใจที่สังคมมีต่อการใช้หรือขายเสพติดมีน้อยนิด โดยมองมาเสมอว่าเป็นเหตุให้เกิดความล่าช้าหรือถดถอยในการเสริมสร้างพัฒนาการหรือความสงบสุขในสังคม

แต่ทว่าในความจริงแล้วสารเสพติดต่างๆมีผลต่อการรับมือกับดหตุการณ์ต่างๆในชีวิตและการเอาตัวรอดนสังคม หรือแม้กระท่ังการก้าวหน้าในสังคมอีกด้วย ถึงแม้ว่ารัฐบาลและความร่วมมือจากต่างประเทศได้พยายามให้ผู้คนมีส่วนร่วมในการเข้าใจความเคลื่อนไหวดังกล่าว ขบวนการต่อต้านยาเสพติดต่างๆยังคงมีส่วนในการสกัดกั้นและลดความคืบหน้าในด้านพัฒนาการต่างๆที่ถูกจัดตั้งไว้โดยองค์การสหประชาชาติผ่าน Sustainable Development Goals

พวกเราได้รับรู้ถึงเรื่องราวว่าในแถบชานเมืองติดชายแดนของประเทศเอกวาดอร์มีชาวนาโกโก้ที่ใช้ผลกำไรตัวเองลงทุนกับการสร้างถนน สะพาน และบริการให้ความรู้ผ่านสื่อออนไลน์ หนึ่งในเกษตรกรได้กล่าวว่า “ทางรัฐทอดทิ้งพวกเรา เราจำเป็นต้องอยู่รอดด้วยต้นโกโก้ที่มีอยู่เพราะไม่มีทางเลือก”

ในประเทศเมียนมาร์ รัฐคะฉิ่นและชานถือเป็นสองรัฐที่มีดินแดนติดกับประเทศจีนและไทย ทางเราได้รับข่าวว่าการใช้สารเสพติดเป็นสิ่งที่แพร่หลายในยุคหลังการสู้รบเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการทางด้านเศรษฐกิจ โดยมีชายอาวุโสหนึ่งท่านได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า:

หลังจากการสู้รบจบลง ...ถนนได้ถูกสร้างขึ้นใหม่ การตัดไม้ก็เพิ่มขึ้นเช่นกันและมียาเฮโรอีน ถูกเคลื่อนย้ายในบริเวณน้ี ทำให้เกิดเป็นบริเวณที่มีคนชุกชุมมากยิ่งขึ้นและส่งผลให้เด็กๆ ในชุมชนเริ่มหันมาสนใจและใช้สารเสพติดชนิดต่างๆอีกด้วย

 

การทำเป็นไม่เห็นต่อสิ่งที่อยู่ในชายแดน

 

ในแถบชานเมือง - ที่เชื่อมติดมากกว่าสองประเทศ - ถือเป็นดินแดนที่ถูกนำเข้าร่วมสงครามรุนแรงเป็นรายแรกและออกเป็นรายสุดท้ายอยุ่เสมอ และถือเป็นแหล่งค้าขายสารเสพติดระหว่างประเทศอีกเช่นกัน โดยยังมีชุมชนที่ถือเป็นที่อยู่คนยากไร้ที่สุดอีกด้วย

การให้ความช่วยเหลือจากหลายฝ่ายมักเป็นในรูปแบบช่วยเหลือเชิงรายประเทศโดยขาดซึ่งการเจาะระบุลงมาเพื่อดูแลพื้นที่เช่นดังกล่าวข้างต้น ส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์ที่ทางเรามักเรียกว่าการทำเป็นตาบอดต่อสิ่งที่อยู่ในชายแดน ซึ่งหมายถึงการดูแลที่ไม่ทั่วถึงที่ถูกส่งผลมาจากการสร้างความเข้าใจที่ไม่ลึกซึ้งเพียงพอที่จะรับรู้ปัญหาและสภาพเป็นอยู่ของผู้คนในชุมชนบริเวณชายแดนของประเทศ

การละเลยดังกล่าวมักส่งผลให้เกิดความรุนแรงและการทะเลาะวิวาทในวงกว้างในบริเวณชายแดนเนื่องจากเกิดความไม่พอใจจากการเซ็นสนธิสัญญาสงบศึก ความรุนแรงดังกล่าวมรทั้งในรูปแบบการนำเจ้าหน้าที่ภาครัฐเข้ามายับยั้งการทะเลาะวิวาทกับกลุ่มรักเคลื่อนไหวจากอัฟกานิสถาน ไปจนถึงความรุนแรงที่เกิดจากการความไม่พอใจในนโยบายต่อต้านยาเสพติดในประเทศโคลัมเบีย หรือแม้กระทั่งการละเมิดสิทธิ์ของแรงงานและการใช้สารเสพติดในประเทศเมียนมาร์

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังคงมั่นหมายว่าพัฒนาการด้านเศรษฐกิจและสังคมคือกัญแจสำคัญในการยกระดับพื้นที่ชายแดนของประเทศเพื่อก้าวข้ามผ่านปัญหาเรื่องยาเสพติด จากการศึกษาของเรา ได้ค้นพบว่าปัญหาในพื้นที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากการนำกลยุทธ์ต่างๆเพื่อพัฒนาชุมชน แต่เป็นวิธีการบังคับใช้กลยุทธ์เหล่านี้ต่างหาก 

 

การแก้ปัญหาเชิงชนะทั้งสองฝ่ายไม่มีจริง

 

ความสัมพันธ์ระหว่างประเด็นเรื่องโครงการระงัยสารเสพติด พัฒนาการชุมชนเพื่อให้ประชาชนพ้นจุดยากไร้ และกลยุทธ์สร้างความสงบในพื้นที่ไม่ได้ตรงไปตรงมาหรือช่วยเหลือซึ่งกันและกันอย่างที่คิด ตามความจริงแล้วอาจไม่มีแผนสร้างความพัฒนาที่จะไม่สร้างผลกระทบเชิงลบแก่ผู้คน การเข้าหาปัญหาที่มีผลที่สุดอาจมีการลดผลกระทบเชิงลบดังกล่าวและหลบหลีกนโยบายต่างๆของแต่ละประเทศที่เกี่ยวข้องเพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ความรุนแรงซ้ำรอย

ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นได้เพียงต่อเมื่อมีการสร้างความเข้าใจกับสิ่งที่ชุมชนในละแวกนี้ต้องเจอและทำไมต้องพยายามมีส่วนร่วมกับการค้ายาเสพติด ความพยายามทั้งหมดควรเริ่มด้วยการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มนักเคลื่อนไหวทางด้านการเมืองต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีส่วนร่วมกับการค้ายาเสพติด

จังกูลเป็นเพียงหนึ่งในหลายคนที่ต้องเผชิญปัญเกี่ยวกับระบบเศรษฐกิจของปรเทศที่มีสิ่งผิดหฏหมายเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ส่งผลให้ชีวิตแต่ละวันของเขายากลำบากเป็นอย่างมาก ในทุกๆวันผู้คนต้องเผชิญกับสถานการณ์คับขันที่ต้องเลือกหนทางที่คล้ายคลึงกับการแลกวิญญาณเพื่อเงิน งาน หรือความปลอดภัย พวกเราต้องหลีกเลี่ยงการมรส่วนร่วมกับโครงการหรือนโยบายที่มักสร้างปัญหาเหล่านี้ แม้จะยากเพียงใดก็ตาม

 

บทความนี้ถูกจัดเขียนขึ้นใหม่โดย The Conversation ภายใต้การจดทะเบียน Creative Commons บทความดั้งเดิมสามารถเข้าอ่านได้ตามนี้ ชื่อที่ถูกระบุในบทความถูกเปลี่ยนแปลงจากเดิมเพื่อปกป้องและให้ความปลอดภัยแก่ผู้ตอบบทสัมภาษณ์

* โจนาธาน กู๊ดแฮนด์ ศาสตราจารย์ด้านการศึกษาความขัดแย้งและการพัฒนา SOAS, มหาวิทยาลัยลอนดอน